สถิติ
เปิดเมื่อ2/12/2015
อัพเดท17/02/2016
ผู้เข้าชม35575
แสดงหน้า46523
ปฎิทิน
April 2025
Sun Mon Tue Wed Thu Fri Sat
  
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
   




บทความ

ุุุ6.1ความหมายอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
 ความหมายของอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี

เมื่อมีปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้น  การเปลี่ยนแปลงที่สังเกตได้คือสารใหม่ที่เกิดขึ้นเป็นผลิตภัณฑ์ นักเรียนคิดว่ามีวิธีการใดบ้างที่จะบอกว่าปฏิกิริยาเกิดขึ้นเร็วหรือช้าเพียงใด
          ลองเปรียบเทียบการดำเนินไปของปฏิกิริยาเคมีกับการเคลื่อนที่ของรถยนต์  พบว่าระยะทางที่รถยนต์เคลื่อนที่ได้จะขึ้นอยู่กับเวลา  โดยเวลาที่เพิ่มขึ้นจะทำให้รถยนต์เคลื่อนที่ได้ระยะทางมากขึ้น  การบอกให้ทราบว่ารถยนต์เคลื่อนทีได้ช้าหรือเร็วเพียงใด  จึงแสดงเป็นระยะทางต่อเวลาในรูปของอัตราเร็วของรถยนต์ โดยใช้ความสัมพันธ์ดังนี้
 
                  
แต่ในความเป็นจริงอัตราเร็วของรถยนต์จะไม่คงที่ตลอดเวลาเพราะว่าถนนมีสภาพต่างกัน บางช่วงอาจจะเคลื่อมที่ไปได้เร็ว  บางช่วงอางเคลื่อนที่ได้ช้า  จึงนิยมบอกในรูปของอัตราเฉี่ยรถยนต์  ดั้งนี้
 
 ในทำนองเดียวกันเมื่อปฏิกืริยาเกิดขึ้น  ปริมาณของสารในระบบจะมีการเปลี่ยนแปลง  กว่าวคือสารตั้งต้นมีปริมาณลดลง  และในเวลาเดียวกันก็มีผลิตภัณฑ์เกิดขึ้นการวัดปริมาณของผลิตภัณฑ์ที่เกิดขึ้น  หรือวัดปริมาณสารตั้งต้นที่ทดลองอาจทำได้หลายวิธี  ขึ้นอยู่กับลักษณะและสมบัติของสาร  เช่น ชั่งมวลสารเป็นของแข็ง วัดปริมาตรเมื่อสารเป็นแก๊ส วัดความเข้มข้นเมื่อเป็นสารละลาย  ส่วนเวลาวัดเป็นวินาที นาที ชั่วโมง หรือวัน  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปฏิกิริยาว่าเกิดขึ้นได้เร็วหรือช้าเพียงใด  การวัดปริมาณสารในปฏิกิริยาเคมีที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลาศึกษาได้จากการทดลองต่อไปนี้


    การทดลอง 6.1    ปฏิกิริยาระหว่างโลหะแมกนีเซียมกับกรดไฮโดรคลอริก

1.               ใส่สารละลายกรดไฮโดรคลอริก    \displaystyle0.2mol/dm^3ในกระบอกตวงขนาด   \displaystyle10cm^3    จนเต็ม
2.               นำจุกคอร์กขนาดพอดีกับปากกระบอกตวงมาบากด้านข้างตามแนวยาวให้เป็นร่องเล็ก ๆ เพื่อให้ของเหลวไหลออกมาได้  และกรีดกลางจุกคอร์กให้เป็นแนวเล็ก ๆ สำหรับเสียบ ลวดแมกนีเซียม
3.               นำลวดแมกนีเซียมที่ขัดสะอาดแล้วยาวประมาณ 10 cm มาขดให้คล้ายสปริงและเสียบที่จุกคอร์กตรงรอยกรีด แล้วนำมาปิดปากกระบอกตวง
\displaystyle2N_2O_2 (g)\to4NO_2 (g)+O_2(g)  
1. คว่ำกระบอกตวงลงในบีกเกอร์ขนาด  \displaystyle100cm^3 ซึ่งใส่น้ำไว้ประมาณ  \displaystyle50cm^3  จับเวลาเมื่อของเหลวในกระบอกตวงอยู่ที่ขีดแรก  และทุกระยะที่ของเหลวลดลง  \displaystyle1cm^3 
 จนถึงขีดก่อนที่ลวดแมกนีเซียมจะโผล่พ้นสารละลาย บันทึกผลการทดลอง

รูป 6.1 อุปกรณ์ศึกษาปฏิกิริยาระหว่างโลหะแมกนีเซียม กับกรดไฮโดรคลอริก

     จากการทดลองพบว่า  ปฏิกิริยาระหว่างโลหะแมกนีเซียมกับกรดไฮโดรคลอริกมีแก๊สไฮโดรเจนเกิดขึ้น
เป็นผลิตภัณฑ์  สมการแสดงปฏิกิริยาเขียนได้ดังนี้เป็นผลิตภัรฑ์
 
  การทดลองนี้สามารถวัดปริมาตรของแก๊สไฮโดรเจนที่เกิดขึ้นโดยตรง  และพบว่าการเก็บแก๊สในแต่ละ 1ลูกบากศก์เซนติเมตรใช้เมวลาไม่เท่ากัน
ใช้เวลาไม่เท่ากัน  โดยในช่วงแรกใช้เวลาน้อยและต่อมาใช้เวลามากขึ้น

   ตามลำดับ  แสดงว่าปฏิกิริยาระหว่างโลหะแมกนีเซียมกับกรดไฮโดรคลอริกตอนเริ่มต้นเกิดขึ้นได้เร็วและช้าลงเมื่อเวลาผ่านไป  ปฏิกิริยานี้นอกจากจะวัดปริมาตรของแก๊สไฮโดรเจนที่เกิดขึ้นแล้ว  ยังสามารถวัดมวลของโลหะแมกนีเซียมและความเข้มข้นของกรดไฮโดรคลอริกที่ลดลง  หรือวัดความเข้มข้นของแมกนีเซียมไอออนที่เกิดขึ้นก็ได้  แต่ในทางปฏิบัติการวัดมวลผลหรือความเข้มข้นของสารโดยตรงทำอยาก  โดยทั่วไปจึงเลือกวัดปริมาณของสารในปฏิกิริยาด้วยวิธีที่สะดวกที่สุด  ซึ่งในการทดลองนี้คือการวัดปริมาตรของแก๊สไฮโดรเจนที่เกิดขึ้น  ส่วนการที่จะบอกว่าปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นช้าหรือเร็วเพียงใดอาจพิจารณาจากอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีโดยวัดปริมาณของสารตั้งต้นหรือผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงขณะปฏิกิริยาดำเนินไปในหนึ่งหน่วยเวลา แสดงดังนี้



          สำหรับปฏิกิริยาเคมีใด ๆ เช่น สาร A ทำปฏิกิริยากับ สาร B เกิดเป็นสาร C ซึ่งเขียนสมการแสดงได้ดังนี้      
                                                    \displaystyle A+B \to C
 ขณะที่ปฏิกิริยาดำเนินไป สาร A และ สาร B จะถูกใช้ไป  มีผลทำให้ความเข้มข้นของสารสาร A และ สาร B  ซึ่งเป็นสารตั้งต้นลดลงส่วยความเข้มข้นของสาร Cซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์จะเพื่มขึ้นการหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีเพื่อให้ทราบว่าปฏิกิริยานี้เกิดขึ้นช้าหรือเร็วเพียงใด มีรายละเอียดดังนี้
          ถ้าจะหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี  โดยพิจารณาจากการเปลี่ยนแปลงปริมาณของสาร A สามารถทำได้โดย
  วัดความเข้มข้นของสาร A เมื่อตอนเริ่มต้นปฏิกิริยา  สมมติว่าเป็น \displaystyleA_1 ณ  เวลา \displaystylet_1 เมื่อปฏิกิริยาดำเนินต่อไประยะเวลาหนึ่งวัดความเข้มของสาร A อีกครั้ง สมมติว่าได้เป็น \displaystyle A_2 ที่เป็นวาลา \displaystyle t_2 ดังนั้นอัตราการเกิดปฏิกิริยาของสาร A มีความสัมพันธ์ดังนี้


                                                  = \displaystyle-\frac{{\left[{A_2 }\right]+\left[ {A_1 }\right]}}{{t2 - t1}}
                                           
                                                  = \displaystyle-\frac{{\Delta \left[A\right]}}{{\Delta t}}


เมื่อ  \displaystyle\Delta แทนการเปลี่ยนแปลง
        \displaystyle\Delta t แทนระยะเวลาที่เปลี่ยนแปลง มีหน่วยเป็นวินาที
        \displaystyle\left[{}\right] แทนความเข้นข้นของสาร  มีหน่วยเป็นโมลต่อลูกบาศก์เดซิเมตรหรือโมลต่อลิตร
          ขณะที่ปฏิกิริยาดำเนินไป  ความเข้มข้นของสารตั้งต้นในที่นี้คือสาร A จะลดลง  นั่นคือ \displaystyleA_2 จะมีค่าน้อยกว่า \displaystyleA_1 เสมอ ดังนั่น \displaystyle\Delta\left[A\right] ซึ่งเป็นความเข้มข้นของสาร A ที่เปลี่ยนแปลงไปจึงมีค่าเป็น(-)

ถ้าจะหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาจากการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์  ในที่นี้คือสาร  C พบว่าเมื่อปฏิกิริยาดำเนินไป ความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์จะเพิ่มขึ้นนั่นคือถ้าให้\displaystyleC_1 เป็นความเข้มข้นเรื่มต้นที่เวลา\displaystylet_1\displaystyleC_2 เป็นความเข้มข้นเมื่อเวลาผ่านไปเป็น\displaystylet_2 แต่ \displaystyleC_2 จะมีค่ามากกว่า\displaystyleC_1เสมอ  ดั้งนั้นความเข้มข้นที่เปลี่ยนแปลงไปของผลิตภัณฑ์คือ \displaystyle\Delta\left[A\right] จะมีค่าเป็น (+) อัตราการเกิดปฏิกิริยาของสาร C เขียนแสดงได้ดั้งนี้
  อัตราการเกิดปฏิกิริยาของสาร \displaystyleC=\frac{{\Delta[C]}}{{\Delta t}}

 วัดความเข้มข้นของสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ได้ผลดังตาราง 6.1
ตาราง 6.1   แสดงความเข้มข้นของสารตั้งต้นและผลิตภัณฑ์ ณ เวลาต่าง ๆ ที่อุณหภูมิ 55 องศาเซลเซียล 
                          ของปฏิกิริยา          
 
 
เวลา (s) ความเข้มข้น (mol/dm3)
 \displaystyleN_2O_5

       NO 2

O2

0
100
200
300
400
500
600
0.0200
0.0169
0.0142
0.0120
0.0101
0.0086
0.0072
0.0000
0.0063
0.0115
0.0160
0.0197
0.0229
0.0256
0.0000
0.0016
0.0029
0.0040
0.0049
0.0057
0.0064

          - ในช่วงเวลา 0 - 100 และ 500 - 600 วินาที อัตราการสลายตัวเลขของแก๊ส \displaystyleN_2O_5 มีค่าเท่าใด   และสรุปได้ว่าอย่างไร
          - ในช่วงเวลา 0 - 100 และ 500 - 600 วินาที อัตราการเกิดแก๊ส \displaystyleNO_2 มีค่าเท่าใด และสรุป ได้ว่าอย่างไร

          ขณะที่ปฏิกิริยาการสลายตัวของแก๊ส \displaystyleN_2O_5 ดำเนินไปความเข้มข้นของแก๊ส\displaystyleN_2O_5

จะลดลง  ความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของแก๊ส \displaystyle N_2O_5 ที่เปลี่ยนแปลงไปกับเวลาที่เกิดการเปลี่ยนแปลงเขียนแสดงได้ดังนี้
 อัตราการสลายตัวของแก๊ส  \displaystyle N_2O_5 = \displaystyle-\frac{{\Delta [N_2 O_5 ]}}{{\Delta t}}
          จากข้อมูลในตาราง  6.1  สามารถคำนวณอัตราการสลายตัวของแก๊ส \displaystyleN_2O_5 ในช่วงเวลา   0 - 100  และ 500 - 600 วินาที ได้ดังนี้
 ที่ช่วงเวลา 0 - 100 วินาที
อัตราการสลายตัวของแก๊ส\displaystyle N_2O_5 =\displaystyle\[ - \frac{{\left[ {N_2 O_5 }\right]t_{100}-\left[{N_2 O_5 }\right]t_0 }}{{t_{100}-t_0}}
                                                                         =\displaystyle-\frac{{0.0169mol/dm^3-0.0200mol/dm^3 }}{{100s-0s}}
                                                                         =\displaystyle-\frac{{( - 0.0031)mol/dm^3 }}{{100s}}
                                                                         =\displaystyle0.000031mol/dm^3.s
                                                                         =\displaystyle3.1\times 10^{ - 5}mol/dm^3.s


 
  ที่ช่วงเวลา 500 - 600 วินาที
อัตราการสลายตัวของแก๊ส\displaystyle N_2O_5=\displaystyle-\frac{{\left[{N_2O_5}\right]t_{600}-\left[{N_2O_5}\right]t_{500} }}{{t_{600}-t_{500}}}
                                                                         =\displaystyle-\frac{{0.0072mol/dm^3-0.0086mol/dm^3 }}{{600s-500s}}
                                                                         =\displaystyle-\frac{{(-0.0014)mol/dm^3 }}{{100s}}
                                                                         =\displaystyle0.000014mol/dm^3 .s
                                                                         =\displaystyle1.4 \times 10^{ - 5} mol/dm^3 .s


                        ผลการคำนวณซึ่งได้อัตราการสลายตัวของแก๊ส \displaystyleN_2O_5  ในช่วงเวลา 0-100 วินาที เท่ากับ \displaystyle 3.1 \times 10^{-5} mol/dm^3.s  และในช่วงเวลา 500-600 วินาที เท่ากับ \displaystyle1.4\times 10^{-5}mol/dm^3.s แปลความหมายได้ว่า เมื่อเริ่มต้นปฏิกิริยา การสลายตัว


ของแก๊ส \displaystyleN_2 O_5 เกิดขึ้นเร็ว เมื่อปฏิกิริยาดำเนินต่อไปจนถึงช่วงเวลา 500-600 วินาที การสลายตัวเกิดขึ้นได้ช้าลงกว่าในช่วงแรก
 
          ถ้พิจารณาจากสารที่เกิดเป็นผลิตภัณฑ์ เมื่อปฏิกิริยาดำเนินไปความเข้มข้นของแก๊ส \displaystyleNO_2 และ \displaystyleO_2 ที่สัมพันธ์ระหว่าความเข้มข้นของแก๊ส \displaystyleNO_2 และ \displaystyleO_2 ที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลาที่กำหนดให้จึงเขียนแสดงได้ดังนี้
อัตราการเกิดแก๊ส  \displaystyleNO_2=\frac{{\Delta\left[{NO_2 }\right]}}{{\Delta t}}
          
          อัตราการเกิดแก๊ส  \displaystyleO_2=\frac{{\Delta \left[{O_2 }\right]}}{{\Delta t}}
          จากข้อมูลในตาราง 6.1 สามารถคำนวณหาอัตราการเกิดแก๊ส \displaystyle NO_2 ในช่วงเวลา 0 - 100 วินที 500 - 600 วินาที ได้ดังนี้
 
ที่ช่วงเวลา 0 - 100 วินาที
อัตราการเกิดแก๊ส  \displaystyle NO_2 = \displaystyle\frac{{\left[ {NO_2 }\right]t_{100}-\left[{NO_2 }\right]t_0}}{{t_{100}-t_0}}
                                                         = \displaystyle\frac{{0.0063mol/dm^3-0.0000mol/dm^3 }}{{100s-0s}}
                                                         = \displaystyle\frac{{0.0063mol/dm^3 }}{{100s}}
                                                         = \displaystyle6.3 \times 10^{- 5}mol/dm^3 .s


ที่ช่วงเวลา 500 - 600 วินาที
อัตราการเกิดแก๊ส  \displaystyle NO_2=\displaystyle\frac{{\left[{{\rm NO}_{\rm 2} }\right]t_{600}-\left[{NO_2 }\right]t_{500}}}{{{\rm t}_{{\rm 600}}{\rm- t}_{{\rm 500}}}}
 
                                                         = \displaystyle\frac{{0.0256moldm/^3  - 0.0229mol/dm^3 }}{{600s - 500s}}
 
                                                         = \displaystyle\frac{{0.0027mol/dm^3 }}{{100s}}
 
                                                         = \displaystyle2.7 \times 10^{ - 5} mol/dm^3 .s


จากการคำนวณซึ่งได้อัตราการเกิดแก๊ส \displaystyle NO_2 ในช่วงเวลา 0 - 100 วินาที่ เท่ากับ \displaystyle  6.3 \times 10^{ - 5} mol/dm^3 .s และในช่วงเวลา 500 - 600 วินาที่ เท่ากับ \displaystyle  2.7 \times 10^{ - 5} mol/dm^3 .s แสดงว่าอัตราการเกิดผลิตภัณฑ์คือแก๊ส \displaystyleNO_2 เกิดขึ้นเร็วในช่วงแรกของการทำปฏิกิริยา และจะช้าลงเมื่อปฎิกิริยาดำเนินไปเป็นเวลานานมากขึ้น

อัตราการสลายตัวของแก๊ส \displaystyle N_2O_5 มีค่าไม่คงที่และอัตราการเกิดแก๊ส \displaystyle NO_2 และ \displaystyle O_2 ในแต่ละช่วงเวลาก็มีค่าไม่เท่ากัน โดยที่การลดลงของความเข้มขันของแก๊ส \displaystyle N_2O_5 ต่อ 1 หน่วยเวลาในช่วงแรกจะมีค่าสูงและจะลดลงเรื่อย ๆ ในช่วงเวลาต่อมาแสดงว่าอัตราการสลายตัวของแก๊ส \displaystyle N_2O_5 เมื่อเริ่มต้นปฏิกิริยาเกิดขึ้นเร็วและจะช้าลงเมื่อเวลาผ่านไป  สำหรับการเพิ่มขึ้นของความเข้มข้นของแก๊ส \displaystyle NO_2 และ \displaystyle O_2 ต่อหนึ่งหน่วยเวลา ในตอนเริ่มต้นปฏิกิริยาก็มีค่าสูงและจะมีค่าลดลงในเวลาถัดไปแสดงว่าอัตราการเกิดแก๊ส

\displaystyle NO_2 และ \displaystyle O_2 เกิดขึ้นเร็วในตอนแรกและจะเกิดขึ้นช้าลงเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป ซึ่งเป็นแนวโน้มที่คล้ายกันกับการสลายตัวของแก๊ส \displaystyle N_2O_5 แต่มีทิศทางกลับกัน
          การหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาที่ได้กล่าวมาแล้ว จัดเป็มอัตราการเกิดปฏิกิริยาเฉี่ย  เนื่องจากเป็นการศึกษาการเปลี่ยนแปลงปริมาณของสารภายในช่วงเวลาที่กำหนดให้ถ้าช่วงเวลาในการเกิดปฏิกิริยาแคบมากจนถือว่า\displaystyle\Deltat มีค่าเป็นศูนย์ อัตราการเกิดปฏิกิริยาเฉลี่ยในช่วงเวลาหนึ่งจะกลายเป็นอัตราการเกิดปฏิกิริยาที่จุดหนึ่งหรือเรียกว่าอัตราการเกิดปฏิกิริยา ณ ขณะใดขณะหนึ่ง


         
          จากข้อมูลในตาราง 6.1 เมื่อนำมาเขียนกราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของสารกับเวลา  จะได้ดังรูป  6.2

 
รูป 6,2 กราฟแสดงความสัมพันธ์ระหว่างความเข้มข้นของ แก๊ส \displaystyleN_2O_5NO_2 และ \displaystyleO_2 กับเวลา ที่อุณหภูมิ \displaystyle55^0C
เมื่อแก๊ส  \displaystyleN_2O_5 สลายตัวได้แก๊ส \displaystyleNO_2 กับ \displaystyleO_2 เป็นผลิตภัณฑ์ ความเข้มข้นของแก๊ส \displaystyleN_2O_5 จะลดลงและขณะเดียวกันความเข้มข้นของแก๊ส \displaystyleNO_2กับ \displaystyleO_2 จะเพิ่มขึ้นเส้นกราฟของ \displaystyle N_2O_5 จึงโค้งลง ส่วนเส้นกราฟของ \displaystyleNO_2 กับ \displaystyleO_2 จะโค้งขัน เนื่องจากความเข้มข้นของแก๊สเปลี่ยนแปลงมากในตอนเริ่มปฏิกิริยาและเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยลงเรื่อย ๆ ในช่วงเวลาถัดไป ดังนั้นเส้นกราฟในช่วงแรกจึงชันมาก และเมื่อเวลาผ่านไปนานขึ้นความชันของเส้นกราฟจึงลดลง

           การอัตราการเกิดปฏิกิริยาที่จุดใดจุดหนึ่งทำได้โดยลากเส้นสัมผัสผ่านจุดที่ต้องการ เช่นต้องการหาอัตราการเกิดแก๊ส \displaystyle NO_2 ณ วินาทีที่ 450 ทำได้โดยลากเส้นจากจุดวินาทีที่ 450 ตั้งฉากกับแกนเวลาขึ้นไปตัดเส้นกราฟที่จุด X แล้วลากเส้น AB ให้สัมผัสกับจุด X สร้างรูปสามเหลี่ยมใต้เส้นสัมผัสโดยให้สัทผัสเป็นด้านตรงมุมฉากดังรูป 6.3
 

 
 
รูป 6.3  แสดงอัตราการหาการเกิดแก๊ส \displaystyle NO_2 ณ วินาทีที่ 450

          ความชันของเส้นสัมผัสที่ลากผ่านจุดดังกล่าวนี้จะบอกให้ทราบถึงอัตราการเกิด ปฏิกิริยาเคมี ณ ขณะนั้นการคำนวณค่าความชันจากกราฟแสดงการเกิดแก๊ส\displaystyleNO_2 ตามเวลา ณ วินาทีที่ 450 ทำได้ดังนี้

อัตราการเกิดแก๊ส \displaystyle NO_2 ณ วินาทีที่ 450 = \displaystyle\frac{{\Delta \left[ {{\rm NO}_{\rm 2} }  \right]}}{{\Delta {\rm t}}}
                                                                               = \displaystyle\frac{{0.0087mol/dm^3 }}{{250s}}
                                                                               = \displaystyle0.000035mol/dm^3 .s
                                                                               = \displaystyle3.5 \times 10^{-5} mol/dm^3.s

 
จากเรื่องปณิมาณสัมพันธ์ของสารที่ได้ศึกษาผ่านมาทำไห้ทราบว่าในปฏิกิริยาเคมีใด ๆ ปริมาณของสารตั้งต้นกับผลิตภัณฑ์จะมีความสัมพันธ์กัน ให้นักเรียนพิจารณาปฏิกิริยาการสลายตัวของแก๊ส \displaystyleN_2O_5 ดังสมการ
 
 จากสมการที่ดุลแล้วนี้จะพบว่าแก๊ส \displaystyle N_2O_5  2 โมล สลายตัวให้แก๊ส \displaystyle NO_2 4 โมล และแก๊ส \displaystyle O_2 1 โมล หรือกล่าวอีกอย่างหนึ่งว่า
 
          อัตราการเกิดแก๊ส \displaystyle O_2=\frac{1}{4} (อัตราการเกิดแก๊ส \displaystyle NO_2 ) =  \displaystyle - \frac{1}{2} (อัตราการสลายตัวของแก๊ส \displaystyle N_2O_5 ) หรือ
 
           \displaystyle  \frac{{\Delta \left[ {O_2 } \right]}}{{\Delta t}} = \frac{1}{4}\left[ {\frac{{\Delta \left[ {NO_2 } \right]}}{{\Delta t}}} \right] =-\frac{1}{2}\left[{\frac{{\Delta\left[ {N_2O_5} \right]}}{{\Delta t}}} \right]
 
 นั่นคือ ปฏิกิริยาการสลายตัวของแก๊ส \displaystyleN_2 O_5  ได้แก๊ส \displaystyle  NO_2 และ \displaystyle O_2 สามารถหาอัตราการเกิดปฏิกิริยาจากสารต่าง ๆ โดยคิดจากความเข้มข้นของสารตั้งต้นที่ลดลงและผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้นในสมการที่ดุลแล้วได้ดังนี้

อัตราการเกิดปฏิกิริยา * =\displaystyle \frac{{\Delta \left[ {O_2 } \right]}}{{\Delta t}}
                                      =\displaystyle \frac{1}{4}\left[ {\frac{{\Delta \left[ {NO_2 } \right]}}{{\Delta t}}} \right]
                                  =\displaystyle-\frac{1}{2}\left[ {\frac{{\Delta \left[ {N_2 O_5 } \right]}}{{\Delta t}}} \right]

          หรืออาจกล่าวได้ว่าในสมการที่ดุลแล้ว อัตราการเกิดปฏิกิริยาของสารต่าง ๆ จะเท่ากับอัตราการเปลี่ยนแปลงปรมาณเป็นโมลของสารแต่ละชนิด หารด้วยสัมประสิทธิ์แสดงจำนวนโมลของสารนั้น ๆ 
 
 
  ตัวอย่างที่ 1   เชื้อเพลิงสะอาดชนิดหนึ่งที่สามารถใช้ในเครื่องยนต์ในอนาคตคือ
\displaystyle 2H{}_2\left( g \right)+O_2 \left( g \right)\to 2H_2 O\left( g \right)
ก.    จงเขียนความสัมพันธ์แสดงการเปลี่ยนแปลงความเข้มข้นของ \displaystyle H_2 O_2  และ \displaystyle H_2 O  กับเวลา
ข.    เมื่อความเข้มข้นของ \displaystyle O_2 มีอัตราการลดลงเป็น \displaystyle 0.23mol/dm^3 .s อัตราการเพิ่มขึ้นของความเข้มข้นของ \displaystyle H_2 O จะเป็นเท่าไร
ก. อัตราการเกิดปฏิกิริยาของสารแต่ละชนิดเขียนได้ดังนี้
   อัตราการเกิดปฏิกิริยา = \displaystyle - \frac{1}{2}\left[ {\frac{{\Delta \left[{H_2 }\right]}}{{\Delta t}}}\right]
                                      = \displaystyle-\frac{{\Delta \left[ {O_2 }\right]}}{{\Delta t}}
                                      = \displaystyle-\frac{1}{2}\left[ {\frac{{\Delta \left[ {H_2 O} \right]}}{{\Delta t}}}\right]
  ข. หาอัตราการเพิ่มขึ้นของ\displaystyle\left[{H_2O}\right] เมื่อทราบ \displaystyle\left[{O_2}\right] ที่ลดลง

       \displaystyle - \frac{1}{2}\left[ {\frac{{\Delta \left[ {H_2 O} \right]}}{{\Delta t}}} \right] = \displaystyle - \frac{{\Delta \left[ {O_2 } \right]}}{{\Delta t}}

                                       = \displaystyle - \left( { - 0.23mol/dm^3 .s} \right)

                                       = \displaystyle 0.23mol/dm^3 .s

      \displaystyle  \frac{{\Delta \left[ {H_2 O} \right]}}{{\Delta t}} = 2x0.23\displaystyle\left({mol/dm^3 }\right)

                                        = 0.46\displaystyle\left({mol/dm^3 }\right)

อัตราการเพิ่มขึ้นของความเข้มข้นของ \displaystyle H_2O = 0.46\displaystyle\left({mol/dm^3 }\right).s